ปิดฉากไตรภาคการผจญภัยอย่างสมบูรณ์ "Maze Runner: The Death Cure"


ปิดฉากไตรภาคการผจญภัยนักวิ่งเขาวงกตสานต่อความมันส์จาก The Maze Runner (2014) และ Maze Runner: The Scorch Trials (2015) ซึ่งดัดแปลงจากนิยายผลงานการเขียนของ เจมส์ แดชเนอร์ ภายใต้การกำกับของ เวส บอลล์ ผู้กำกับคนเดิมจากสองภาคแรก โดย Maze Runner: The Death Cure เริ่มต้นเรื่องจากการที่โทมัสรู้ว่าเหล่า Wicked นั้นไม่สามารถเชื่อใจได้ แต่พวกเขาบอกว่าเวลาแห่งการโกหกนั้นได้จบสิ้นลงแล้ว พวกเขาได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมดจากวงกตและเหล่า Gladers เป็นที่เรียบร้อย ด้วยความทรงจำที่กลับคืนมาทั้งหมด โทมัสได้เข้าร่วมภารกิจสุดโหดหิน เพื่อให้เหล่า Gladers ได้เติมเต็มพิมพ์เขียวของการรักษาโรคไข้แฟลร์ แต่ Wicked ไม่รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นนอกเหนือจากที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ โทมัสสามารถจดจำได้มากกว่าที่พวกเขาคิด และเขารู้ว่าเขาจะไม่สามารถเชื่อคำพูดของ Wicked ได้อีกต่อไป เวลาแห่งการโกหกจบลงแล้ว แต่ความจริงนั้นอันตรายมากกว่าที่โทมัสจะจินตนาการได้ จะมีใครสามารถรอดไปจาก Death Cure ได้หรือไม่?


ผู้กำกับ เวส บอลล์ เล่าถึงสิ่งที่ผู้ชมจะได้เจอในภาคนี้ว่า "ใน The Maze Runner มีทุ่งหญ้าโล่งที่ถูกห้อมล้อมด้วยกำแพงคอนกรีตจากเขาวงกต ใน Maze Runner: The Scorch Trials เราได้เห็นภาพของทะเลทรายที่แห้งแล้งใหญ่โต ดังนั้นใน Maze Runner: The Death Cure ทุกคนจะได้เห็นฉากที่สวยงามและมีสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบของมัน ภาคแรกเป็นวงกตซีเมนต์ขนาดยักษ์ ส่วนภาคสองคือทะเลทรายที่เกิดจากความมอดไหม้ ภาคนี้จะเป็นโลกของแก้วและเหล็ก หนังแต่ละภาคมอบความรู้สึกและภาพที่ต่างกันแก่ผู้ชม แต่ทุกสิ่งจะเชื่อมโยงกัน และถูกรวมกลับมาอยู่ในจักรวาลเดียวกันในท้ายที่สุด"


เจมส์ แดชเนอร์ ผู้เขียนนิยายต้นฉบับ พูดถึงสิ่งที่เขาอยากเห็นในหนังภาค The Death Cure ว่า "ในหนังสือ พวกเขา (กลุ่มตัวละครหลัก) จะวกกลับไปยังที่ที่คุ้นเคย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ในตัวเอง และพวกเขาก็จะได้เห็นมันในมุมมองที่ชัดเจนขึ้น ผมหวังจะเห็นฉากเขาวงกตอีกครั้ง และหวังจะเห็นตัวละครพาเราไปยังฉากไคลแมกซ์ ตามแต่จินตนาการของ เวส บอลล์ จะพาไป"

Credit: Gotham Group, Temple Hill Entertainment, Twentieth Century Fox, IMDB, Starpics

Go to TOP