ย้อนรอย Oscars "Slumdog Millionaire"
ในปี 2009 หนังของผู้กำกับ Danny Boyle ชนะรางวัลบนเวทีมากถึง 8 สาขา รวมถึงสาขาใหญ่อย่าง Best Motion Picture of the Year ห้ามพลาด! Blu-ray Slumdog Millionaire เข้าร่วม Promotion ซื้อ 2 ชิ้น ลด 50%!!! ที่ Boomerang ทุกสาขา [ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>> CLICK <<<]
Academy Awards, USA 2009 (Won Oscar)
1. Best Motion Picture of the Year
2. Best Achievement in Directing
3. Best Writing, Adapted Screenplay
4. Best Achievement in Cinematography
5. Best Achievement in Film Editing
6. Best Achievement in Music Written for Motion Pictures, Original Score
7. Best Achievement in Music Written for Motion Pictures, Original Song
8. Best Achievement in Sound Mixing
Slumdog Millionaire เป็นภาพยนตร์อังกฤษในปี 2008 กำกับโดย Danny Boyle กำกับร่วมโดย Loveleen Tandan และเขียนบทโดย Simon Beaufoy ดัดแปลงจากวรรณกรรม Q & A (2005) ของนักเขียนอินเดีย Vikas Swarup ภาพยนตร์ถ่ายทำที่อินเดีย เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มในสลัมเมืองมุมไบ ที่แข่งขันใน "Who wants to be a millionaire" หรือเกมส์เศรษฐีของอินเดีย
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องสั้นที่ตีแผ่สังคมอินเดียผ่านเรื่องราวของจามาล มาริค เด็กหนุ่มวัย 18 ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่มีพื้นเพมาจากสลัมมุมไบ แต่กลับพลิกผันได้มาเล่นเกมส์ในรายการ "Who wants to be a millionaire" (รายการเกมส์เศรษฐี)
จามาลเหลืออีกเพียงหนึ่งคำตอบที่ถูกจากหนึ่งคำถามก็จะคว้าเงินรางวัลสูงสุด 20 ล้านรูปี ด้วยลักษณะและพื้นเพความเป็นมาของเขา ทำให้ เพรม คูมาร์ พิธีกรของรายการคิดว่าจามาลโกงเกมส์การแข่งขัน ช่วงพักรายการก่อนถ่ายต่อคำถามสุดท้าย ตำรวจจึงนำตัวเขาไปทรมานสอบสวนเค้นความจริง เด็กหนุ่มจากสลัมจึงเล่าเรื่องทุกอย่างในอดีตที่เป็นกุญแจไขสู่คำตอบให้ฟัง ชีวิตความเป็นอยู่ของจามาล สะท้อนภาพลักษณ์สังคมบ้านป่าเมืองเถื่อนของเขามาโดยตลอด เช่น ฉากที่แม่จามาลถูกฆ่าตาย เกิดจากความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างฮินดูและมุสลิม ที่ฝ่ายแรกต้องการไล่ฝ่ายหลังออกนอกประเทศ ซึ่งความไม่ลงรอยนี้ก็สืบเนื่องมานับพันปีเห็นจะได้
หรือฉากที่จามาลกับซาลิมพี่ชายจอมป่วน และเด็กสาวที่จามาลรัก ลาติกาต้องตกอยู่ในเงื่อมมือแก๊งจับเด็กไปขอทาน อย่างที่รู้ๆกันดีว่า อินเดียติดอับดับประเทศที่มีขอทานเยอะสุดของโลก หรือกระทั่งพฤติกรรมการดูถูกของพิธีกรรายการต่อจามาลก็ดูช่างไม่ต่างกับการแบ่งชนชั้นวรรณะในสังคมอินเดีย แต่ความหนักอึ้งของเรื่องกลับไม่ได้ทำให้หนังดูตึงเครียดเกินไป หนังผ่อนคลายด้วยการแทรกมุขตลก และความตื่นเต้นอยู่เสมอ จนลืมไปว่าความรันทด ยากจนข้นแค้นแสนลำบากลำบนของจามาลมันหนักหนาสาหัสเอาเรื่องทีเดียว
เนื้อหาโดยหลักแล้วเป็นเรื่องของตามหารักที่หายไปของตัวเอก และเป็นสาเหตุสำคัญที่เขาต้องมาเล่นเกมส์เศรษฐีนี้ จามาลพลัดพรากกับลาติกาสาวคนรักครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็พยายามสู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพื่อรักแท้ หนังสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบันได้ลงตัวน่าสนใจ โดยใช้เรื่องเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินในอดีตมาตอบโจทย์ ทั้งยังสร้างความผูกพันตัวละครกับคนดูให้เอาใจช่วยลุ้น และบอกที่มาที่ไปได้ลงตัวสอดคล้องกับปัจจุบัน งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับบทหนังดัดแปลงที่สมบูรณ์และฝ่ายตัดต่ออันยอดเยี่ยม