สแตนลีย์ ถง ผู้กำกับคู่บุญของ เฉินหลง "Kung Fu Yoga"
สแตนลีย์ ถง (Stanley Tong) เป็นผู้กำกับคู่บุญของเฉินหลงซึ่งเคยฝากผลงานไว้ในหนังคลาสสิคหลายเรื่อง ได้แก่ Police Story 3: Super Cop (1992) - วิ่งสู้ฟัด 3, Rumble in the Bronx (1995) - ใหญ่ฟัดโลก, Police Story 4: First Strike (1996) - ใหญ่ฟัดโลก 2, The Myth (2005) - ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา และรับหน้าที่อำนวยการสร้างและเขียนบทให้กับ Chinese Zodiac (2012) - วิ่งปล้นฟัด ที่เฉินหลงกำกับ นอกจากนั้นเขายังมีผลงานกำกับที่ไม่ได้แสดงนำโดยเฉินหลงอย่าง Once a Cop (1993) - วิ่งสู้ฟัด ตอน ซือเจ๊ฟัดเอง, China Strike Force (2000) - เหิรเกินนรก และหนังฮอลลีวู้ดอย่าง Mr.Magoo (1997)
หลังจาก The Myth สแตนลีย์ ถง ก็หันไปทำซีรี่ส์โทรทัศน์หลายเรื่องจนได้กลับมากำกับหนังยาวเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีด้วยเรื่องนี้ โดยควบหน้าที่กำกับ, เขียนบท, โปรดิวเซอร์, ออกแบบฉากต่อสู้ ในขณะที่เฉินหลงรับหน้าที่โปรดิวเซอร์และผู้ออกแบบฉากต่อสู้ร่วมด้วย เขาถูกเลือกให้รับหน้าที่นี้เนื่องจากควบคุมหนังสเกลใหญ่ได้ดี และหนังของเขาก็มีความเป็นสากลไปได้ดีในหมู่ผู้ชมต่างประเทศ จึงเหมาะกับโปรเจ็คนี้ที่มีสเกลใหญ่และฉากหลังในหลายประเทศ สแตนลีย์ ถง บอกว่า "เนื่องจาก Kung Fu Yoga ต้องการเจาะกลุ่มผู้ชมทั่วโลก เราจึงออกแบบหนังให้แตกต่างจากหนังจีนทั่วไปและมีความเป็นสากลมากขึ้น ทั้งเนื้อหา บทพูด มุกตลก เทคนิคด้านภาพ โดยหนังจะมีบทพูดน้อยลง แสดงออกผ่านสีหน้าท่าทางมากขึ้น และดำเนินเรื่องเร็วและหวือหวาขึ้นกว่าเรื่องก่อนๆ เพื่อจับความสนใจผู้ชมยุคนี้ให้ได้"
เฉินหลง และ สแตนลีย์ ถง มีเส้นทางชีวิตที่คล้ายกันอย่างการเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนักแสดง Martial Art และทำงานเล็กๆ ในกองถ่าย จนมาได้รับหน้าที่เป็นผู้กำกับ, ผู้อำนวยการสร้าง, ผู้ออกแบบการต่อสู้ เพียงแต่เฉินหลงเลือกที่จะอยู่หน้ากล้อง ส่วน สแตนลีย์ ถง อยู่หลังกล้อง ทั้งคู่สนิทสนมกันมาก โดยเฉินหลงกล่าวว่า "ผมกับเขารู้ใจกันในระดับที่รู้ล่วงหน้าว่าเขากำลังจะคิดหรือพูดอะไร ฉากนี้เขาคิดจะตั้งกล้องถ่ายทำแบบไหน ส่วนเขาก็รู้ว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร เนื้อเรื่องและฉากแอ็คชั่นแบบไหนที่ดึงดูดผม เขากล้าที่จะตักเตือนหรือบังคับผม เราจึงทำงานกันได้อย่างเข้าขา"
แม้จะห่างหายจากการกำกับหนังยาวไปนาน แต่มาตรฐานการทำงานของเขายังไม่ตก โดยเรื่องนี้ สแตนลีย์ ถง ได้เตรียมสตอรี่บอร์ดไว้อย่างละเอียดตั้งแต่ 3 เ
