ทิ้งไว้อย่างสร้างสรรค์ "Logan"



หลังจากหนัง 8 เรื่องเป็นไปด้วยดีตลอดเวลากว่าทศวรรษครึ่ง กับการเป็นดาวดวงเด่นในหนังชุด X-Men ผู้ที่มีความสามารถเยียวยาตัวเองให้หายได้ ฮิวจ์ แจ็คแมน เริ่มตั้งข้อสงสัยว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่เขาต้องก้าวเดินจากบทที่กลายเป็นลายเซ็นของเขาไปแล้ว จนเขาตกผลึกทางความคิดว่า ถ้าคุณก้าวออกมา มันเป็นเรื่องลำบากกับการทำอะไรต่อ แต่ถ้าคุณทิ้งอะไรบางอย่างเอาไว้อย่างสร้างสรรค์ คุณสามารถจุดประกายให้เกิดอะไรต่อไปได้ แล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่า หนังเรื่อง Logan คือคำตอบและน่าจะกลายเป็นหนังสร้างจากนิยายภาพที่น่าประหลาดใจที่สุด


การทำงานของแจ็คแมนในครั้งนี้ มีผู้ร่วมงานเป็นกุญแจสำคัญ นั่นก็คือ เจมส์ แมนโกลด์ ผู้กำกับหนัง The Wolverine เมื่อปี 2013 ซึ่งระหว่างถ่ายทำทั้งคู่คุยกันบ่อยเกี่ยวกับเรื่องที่คิดไว้สำหรับตัวละครตัวนี้ แมนโกลด์จัดการปั้นการเล่าเรื่องของ Logan และเขียนบทร่วมกับ สก็อทท์ แฟรงค์ เพื่อเติมความเป็น Unforgiven และ The Wrestle เขาอาศัยไอเดียจากหนังตะวันตกคลาสสิคอย่าง Shane ที่ในหนังจะมีฉากหนึ่งที่ตัวละครดูหนังเรื่องนี้ในทีวี แล้วก็ใส่องค์ประกอบแบบพ่อกับลูกชายเข้ามาในความสัมพันธ์ระหว่างโลแกนและชาร์ลส์ ซาเวียร์ (แพทริค สจวร์ท) ตามด้วยพลังแบบพ่อกับลูกสาว จากตัวละครเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่ชื่อ ลอรา (ดาฟเน คีน) จากนั้นก็ตัดสินใจจับวูล์ฟเวอรีนออกเดินทาง


แมนโกลด์เล่าถึงความตั้งใจที่กลายเป็นเรื่องเป็นไปได้ว่า "ความคิดของการทำหนังโรด มูฟวี่ กับโลแกน, ดาฟเน และซาเวียร์ ด้วยรถธรรมดาคันหนึ่ง การเอาตัวฮีโร่มาแล้วจับเขาไปอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีอะไรที่จะทำให้ปกติได้มากไปกว่าการโยนพวกเขาเข้าไปในรถคันเดียวกัน ซึ่งทำให้พวกเขาต้องจัดการกันและกัน ฟังดูขัดแย้งกับสิ่งที่บรรดาหนังเรื่องสำคัญๆ ตั้งใจทำ"


ขนาดของภาพในหนัง Logan ต้องออกมาดูใหญ่ ด้วยการใช้อัตราส่วนภาพแบบไวด์สกรีน วิสตา ที่โดยทั่วไปจะใช้กันในหนังตะวันตก ซึ่ง แจ็คแมน อธิบายว่า หากความตั้งใจอย่างแรงกล้า คือ ทำให้หนังมีความเป็นส่วนตัว อิสระ อยู่ในโลกที่แตกต่างไปจากโลกอันเต็มไปด้วยวิบๆ วับๆ ตามที่เห็นในหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป ซึ่งก็นับรวมหนัง X-Men ไปด้วยเช่นกัน "มันคือ Little Miss Sunshine ฉบับที่มืดกว่า แล้วมีคนแค่สามคนอยู่ในรถ ค่อนข้างจะมีความรุนแรงมากกว่าด้วย"


Go to TOP