อัดแน่นด้วยความตื่นเต้นจนคุณนั่งไม่ติดเบาะ "The Commuter"
"The Commuter/นรกใช้มาเกิด" ซูเปอร์สตาร์แอคชั่น เลียม นีสัน กลับมามอบความระทึกให้แฟนๆ อีกครั้งด้วยภาพยนตร์ระทึกขวัญสุดล้ำอัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้นจนทำให้คุณนั่งไม่ติดเบาะกับเรื่องราวของ ไมเคิล หนุ่มใหญ่ที่ไป-กลับบ้านและที่ทำงานทุกวันด้วยรถไฟจนเป็นกิจวัตร จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ได้พบหญิงสาวแปลกหน้าผู้ลึกลับ ไมเคิลถูกบีบให้เปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารคนหนึ่งก่อนที่จะถึงสถานีสุดท้าย เขาต้องแข่งกับเวลาเพื่อแก้ปริศนา แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายวินาศกรรมที่ต้องเอาชีวิตของเขาและผู้โดยสารอีกเป็นร้อยมาเดิมพัน
นี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 4 ของผู้กำกับ โจเม คอลเลต-เซอร์รา กับ เลียม นีสัน หลังจากผลงานเรื่อง Unknown, Non-Stop และ Run All Night สำหรับหนัง "The Commuter/นรกใช้มาเกิด" เรื่องนี้มีความลึกลับกลิ่นอายสไตล์ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ผู้กำกับในตำนานโดยได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานของเขาอย่างเรื่อง North by Northwest และ Strangers on a Train ผู้กำกับ โจเม คอลเลต-เซอร์รา ให้ความเห็นว่า "ถ้าหนังของผมทุกเรื่องมีอะไรเหมือนกันก็คงจะเป็นความน่าติดตามที่พร้อมจะทำให้ผู้ชมไม่สามารถละสายตาได้ ผมหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน หนึ่งในเหตุที่ผมอยากทำเรื่องนี้คือ ผมอยากพิสูจน์ตัวเองว่าผมสามารถเอาเอกลักษณ์ในผลงานของผมมาเล่าใหม่ในแบบที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงได้ มันท้าทายนะที่จะมอบความรู้สึกเดิมให้ผู้ชมในแนวทางใหม่ ธีมใหม่ แต่ยังคงปริศนาที่คุณเดาไม่ออก แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับตัวละครเหมือนเดิม"
นอกจากความแอคชั่นของ เลียม นีสัน ที่การันตีด้วยผลงานสุดเข้มข้นแทบจะตลอดอาชีพนักแสดงของเขา อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ "The Commuter/นรกใช้มาเกิด" ถูกยกเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สุดระทึกขวัญและบีบคั้นหัวใจนั่นคือ เงื่อนไขของสถานที่ ภายใต้อาณาเขตและเวลาที่ถูกจำกัด เราจึงอดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยตัวละครอย่าง ไมเคิล (เลียม นีสัน) ที่ต้องปฏิบัติภารกิจอย่างลับๆ ที่ไม่ได้เพียงเพื่อแลกกับค่าตอบแทนก้อนโต แต่ยังเป็นการช่วยชีวิตผู้โดยสารหลายร้อยชีวิตบนรถไฟขบวนนรกนั้น รวมไปถึงครอบครัวที่เขารักอีกด้วย และด้วยเงื่อนไขที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรค แต่ โจเม คอลเลต-เซอร์รา ผู้กำกับที่ร่วมงานกับเลียม นีสันมาเป็นเรื่องเรื่องที่ 4 แล้วกลับมองว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายในการทำงานอย่างมากในการเล่าเรื่องออกมาเป็นภาพให้น่าสนใจด้วยฉากที่เกิดบนรถไฟแทบทั้งเรื่อง และเป็นเสน่ห์ที่จะช่วยขับอารมณ์ให้ The Commuter มันส์ระทึก
