การเดิมพันสุดอันตราย บทเวทีที่ไม่มีคำว่ายอมแพ้ พวกเขาพ่อลูกต้องฟันฝ่าไปด้วยกัน เพื่อโอกาศครั้งสุดท้ายของการหวนคืนสู่สังเวียน ในภาพยนตร์แอ็คชั่นกำปั้นเหล็กสุดมันส์กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อกีฬาชกมวยถูกยกระดับให้ทันสมัยสุดไฮเทคมากยิ่งขึ้น

"เรียล สตีล - ศึกหุ่นเหล็กกำปั้นถล่มปฐพี" นำแสดงโดย ฮิวจ์ แจ็คแมน ในบท ชาร์ลี เคนตัน ได้กลายเป็นนักชกตกอับที่ไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งอะไรเลย เมื่อหุ่นเหล็กสูง 8 ฟุตหนัก 2,000 ปอนด์ ได้เข้ายึดครองเวที ชาร์ลีที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นโปรโมเตอร์เล็กๆที่พอจะหาเงินมาสร้างหุ่นยนตร์ราคาถูก ขึ้นมาจากเศษเหล็กเพื่อที่จะก้าวจากเวทีมวยใต้ดินขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นต่อไป แต่เมื่อเขาถึงจุดต่ำสุดของชีวิต เขาต้องจำใจเข้าร่วมทีมกับ แมกซ์ (ดาโกตา โกโย) ลูกชายของเขาที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่ เพื่อสร้างและฝึกฝนหุ่นยนตร์เพื่อจะเข้าแข่งขันชิงแชมป์

ที่มาของ Real Steel เริ่มต้นมาจากเรื่องสั้นปี 1956 ชื่อว่า Steel ของริชาร์ด แมทเธสัน ซึ่งมีไอเดียเกี่ยวกับหุ่นยนต์ชกมวยไปถูกใจผู้กำกับ ชอว์น เลวี จาก Night At The Museum และ Night At The Museum: Battle Of The Smithsonian โดยผู้กำกับกล่าวถึงที่มาที่ไปของความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันของตัวละครหลักทั้งสามว่า ตัวละครหลัก พ่อ ลูก และหุ่นเหล็ก พวกเขาต่างเป็นผู้ที่ทอดทิ้ง ทั้งสามเป็นผู้ที่ถูกขับไล่และถูกลืมเลือน แก่นแท้ของเรื่องราวนี้จึงเป็นการที่สามคนรวมพลังหาทางที่จะกลับมาใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง

ถึง Real Steel จะเป็นหนังแอ็คชั่นที่เต็มไปด้วยผลงานด้านภาพอันน่าตื่นตา ทั้งฉากอลังการและหุ่นยนต์ต่อสู้กันอย่างตื่นตา แต่ผู้กำกับเลวีบอกว่าใจความสำคัญนั้นหาใช่สิ่งเหล่านั้นไม่ แต่คือการเข้าไปสำรวจความสัมพันธ์ในเรื่องราวต่างหาก ในบทภาพยนตร์จะมีหัวใจของความเป็นมนุษย์อยู่เป็นแก่นกลาง ดังนั้นหนังจะออกมาน่าสนใจหากนำมารวมกันเข้าระหว่างแอ็คชั่นมันระห่ำและฉากหลังอันตื่นตา เข้ากับเรื่องราวที่จริงใจ และทำให้หัวใจอบอุ่น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องราวของการพยายามที่จะมีชีวิตรอด

สำหรับ The Bots หรือเหล่านักสู้หุ่นเหล็กพวกนี้ไม่ใช่หุ่นธรรมดา เพราะได้รับการดีไซน์ออกมาให้ทรงพลัง ปราดเปรียว และว่องไว หนำซ้ำยังมีบุคลิกแตกต่างกันออกไปไม่ต่างกับนักมวยที่เป็นคนจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่หุ่นเหล่านี้จะเข้ามาแทนศึกแลกกำปั้นเนื้ออัดเนื้อ กลายเป็นศึกเหล็กชนเหล็กแทนได้ พวกหุ่นถูกออกแบบมาให้มีสีสันที่ต่างกันออกไป มีความสูงตั้งแต่ 7 ฟุต 6 นิ้ว ไปจนถึง 8 ฟุต 5 นิ้ว และรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ พวกมันสามารถทำสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจทำได้ ด้วยท่วงท่าที่พิสดารและรุนแรง สิ่งที่ท้าทายสำหรับทีมงาน คือการพยายามขับเน้นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหุ่นแต่ละตัวออกมาให้เข้าไปครองใจผู้ชมได้มากที่สุด

ผู้กำกับเลวีกล่าวว่า เจตนาของเขาคือการให้ผู้ชมได้รับรู้ว่าถึงหน้าหนังจะเป็นแนวไซ-ไฟก็ตาม แต่เจ้าหุ่นยนต์พวกนี้ไม่ใช่หุ่นยนต์ในหนังไซ-ไฟทั่วไป แต่จะทำให้เชื่อว่าหุ่นพวกนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาได้จริงๆ พวกมันไม่ใช่ Transformers หรืออยู่ยงคงกระพันได้ โดยการใส่ความเปราะบางและความเป็นมนุษย์ใส่เข้าไปในตัวพวกมัน ซึ่งจะทำให้นึกถึงหนังอย่างเรื่อง Iron Giant หรือ Wall-E มากกว่า



รายงานโดย MR.Numchok

[ www.facebook.com/Numchok Angkinan ]