Film Focus By Boom FM 90.5 : DVD "50/50 (2011)"


ภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่มองข้ามมาโดยตลอด

อดัม (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์) ชายหนุ่มที่ชีวิตเพียบพร้อมไปทุกอย่าง เขามี เรเชล (ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด) แฟนสาวที่เขารัก มี ไคล์ (เซธ โรเกน) เพื่อนซี้จอมแสบที่เขาไว้ใจ อย่างไรก็ตาม อดัม ก็พบกับข่าวร้ายเมื่อตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยและรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี ระหว่างการรักษา อดัม ก็ได้พบกับ เคธี่ (แอนนา เคนดริก) จิตแพทย์ที่ช่วยเขารับมือกับชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่ อดัม และ ไคล์ ก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยลองในชีวิต ซึ่งทำให้เขาเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เขามองข้ามมาโดยตลอด

วิลล์ ไรเซอร์ ผู้เขียนบทหนังเรื่อง 50/50 ไม่ได้จินตนาการเรื่องราวในหนังขึ้นจากอากาศธาตุ หรือหยิบเอาชีวิตของใครอื่นมาเป็นแรงบันดาลใจ แต่เป็นชีวิตของเขาเอง เพราะเมื่อ 6 ปีก่อนขณะอายุ 24 ปี ไรเซอร์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่หลัง ต่อมาการผ่าตัดสามารถนำเนื้อร้ายออกไป เขาจึงรอดชีวิตมาได้ ในช่วงระหว่างนั้นไรเซอร์พบว่าหนทางเดียวที่เขาตระหนักว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้คือมองหาอารมณ์ขันจากมันให้ได้ และตอนนั้นเองที่ 50/50 ได้ถือกำเนิดขึ้น

เหตุผลหลักที่ทำให้แม้แต่ไรเซอร์ไม่อยากทำให้หนังเรื่องนี้เป็นสารคดีชีวิต เพราะประสบการณ์ก่อนหน้านี้สอนเขาว่าบางครั้งเรื่องจริงอาจเฮฮาและบ้าบอเกินกว่าที่ผู้ชมจะเชื่อว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง แม้ 50/50 จะเคลือบด้วยอารมณ์ขันเฮฮา แต่ลึกๆแล้วหัวใจของหนังเรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคร้ายที่นำเขาสุ้สภาวะเป็นตายเท่ากัน ซึ่งประเด็นนี้ยังคงมีอยู่อย่างเข้มข้น และยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้กำกับ โจนาธาน เลอวีน ที่มีผลงานการกำกับอย่าง All The Boys Love Mandy Lane และ The Wackness ตัดสินใจรับงานกำกับหนังเรื่องนี้ เพราะความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตของเลอวีนผลักดันให้เขาหวนคิดถึง โดยเขาพบว่ามีสมาชิกในครอบครัวสองคนเป็นมะเร็ง ปรากฏว่าพวกเขาโชคดีสามารถรอดพ้นมาได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบทหนังเรื่องนี้เริ่มต้นส่งผลสะท้อนมายังตัวผู้กำกับในระดับที่เป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

หนึ่งในคำถามที่หลายคนอาจสงสัยคือ ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเลือกที่จะกล่าวถึงเรื่องหดหู่และน่าเศร้านี้ในแง่สนุกสนานเฮฮา โดยเฉพาะกับคนที่น่าจะขำไม่ออกกับเรื่องนี้ที่สุดอย่างไรเซอร์ ผู้น่าจะรู้ถึงฤทธิ์เดชของโรคร้ายนี้ดีไม่น้อยไปกว่าใคร แต่การที่เขาตั้งใจนำเสนอเรื่องราวในหนังโดยผสมผสานความสมจริงเข้ากับอารมณ์ขันและการมองโลกในแง่ดี น่าจะเหมาะเจาะลงตัวดีกับสิ่งที่ผู้กำกับเลอวีนเรียกว่าการยกระดับจิตใจ เลอวีนกล่าวว่าความจริงพื้นฐานคือการเป็นหนังเกี่ยวกับบางสิ่งที่เราทุกคนล้วนต้องรับมือซึ่งก็คือความตาย แต่ในเวลาเดียวกัน เขาเองไม่เคยวิตกเรื่องนี้ เพราะงานเขียนของไรเซอร์นั้นมองหาแง่บวกจากประสบการณ์ชีวิตอันแสนเจ็บปวดได้อย่างอัศจรรย์อยู่แล้ว



รายงานโดย MR.Numchok

[ www.facebook.com/Numchok Angkinan ]

Go to TOP