ตอนที่ 3 เป็นตอนที่ชะลอมันลงมานิดหน่อย เป็นจุดที่เราเริ่มจะรู้จักตัวละครต่างๆ รู้สึกเหมือนว่าโชว์จะเริ่มต้นที่นี่ เราได้เห็นริคกลับไปที่แคมป์ผู้รอดชีวิตและพบสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ตอนที่ลอรี่เห็นริคครั้งแรก เธอคิดว่าเห็นผีเพราะเชนบอกลอรี่ว่าเขาตายแล้ว แต่เขากลับเดินออกมาจากหลังรถบรรทุก ปฏิกิริยาแรกของเธอคือกลัวมากกว่าอย่างอื่น เพราะถ้าเขารอด เขาต้องเป็นซอมบี้แน่ แต่มันเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อทั้งคู่อยู่กันตามลำพังในเต้นท์ และมีโอกาสได้ใช้แขนโอบกอดกัน ทำให้ตระหนักว่าเขาอยู่ตรงนั้นจริงๆ ริคกับลอรี่ใช้การสื่อสารที่เรียบง่าย แบบคนที่แต่งงานกันมานาน และเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง

มีภารกิจบางอย่างที่ริคทิ้งเอาไว้ สิ่งที่เขาตั้งใจมั่นตั้งแต่วันแรกคือการค้นหาครอบครัวว่ายังอยู่หรือไม่ จากนั้นเขาก็จะพยายามจัดตั้งรูปแบบในสังคม จากนั้นเขาก็จะพยายามจัดตั้งรูปแบบในสังคม และกฎทางจริยธรรม

เชนเป็นเพื่อนรักของริค และเป็นเพื่อนเก่าแก่ เขาเป็นเหมือนน้องชาย นั่นคือโชว์สำหรับผู้กำกับ ความเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างเพื่อนรักทั้งสองริคและเชน โดยมีผู้หญิงคนนึงติดอยู่ตรงกลาง ผู้กำกับตื่นเต้นกับรักสามเส้าที่เกิดขึ้นระหว่างสามคนนี้ สิ่งนึงที่สามีของลอรี่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ทำให้เธอใจสลายคือออกไปปกป้องคนอื่น แทนที่จะปกป้องเธอและลูก ทำให้เกิดความเครียดมหาศาลระหว่างทั้งคู่ ริคมีข้อเสีย เขาไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ เขาไม่ใช่สามีที่ประเสริฐ เขาไม่เคยเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยม และในช่วงเวลาระหว่างนั้น เรื่องราวกับเชนก็ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งคู่ไม่ว่าเชนและลอรี่จะต้องรู้สึกโกรธแค้นตัวเองอย่างมากทีเดียว ในหัวของลอรี่คิดปกป้องตัวเองสุดขีด นั่นก็คือ คุณทำให้ฉันกลายเป็นคนมีชู้ และมันเป็นเพราะคุณ เป็นความโกรธล้วนๆ ส่วนเชนเกิดความรู้สึกสูญเสียที่เพิ่มขึ้นและบ่มเพาะจนกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งเกิดจากการที่เขาแค่พยายามทำให้สิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมเท่านั้น

ภายในแคมป์เราจะเห็นความตึงเครียดมากขึ้น และได้สำรวจสิ่งที่สำคัญต่อซีรี่ส์ชุดนี้ นั่นก็คือ การที่ธรรมชาติของมนุษย์อันตรายยิ่งกว่าภัยจากซอมบี้ ผู้กำกับให้โอกาสเชน ตัวละครตัวนี้ระบายสิ่งที่เขารู้สึกอยู่กับลอรี่ออกใส่กับคนอื่นที่สมควรถูกอัดให้น่วมในตอนนั้น มันเป้นตัวอย่างที่ดีของการทำลายกฎ และพอสิ้นวันเขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ ที่นี่ไม่มีตำรวจ ไม่มีกฎหมายและมีโอกาสอย่างเหลือเชื่อในการระบายสิ่งที่รู้สึกอยู่ข้างในออกมา

คุณเรียกตัวละครอย่างเมอริล ดิกสันว่านักเอาตัวรอดได้ และเขาก็มีคุณสมบัติในการเอาตัวรอด เขาจะทำทุกอย่างให้รอด สภาพของมนุษย์ที่แสดงออกมา และเกิดขึ้นในซีรี่ส์นี้มันเหลือเชื่อจริงๆ มันลำบาก กฏเกณฑ์ต่างๆ ถูกโยนทิ้งไปนอกหน้าต่าง เราย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น และความอยู่รอดคือกุญแจสำคัญ คุณต้องทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้รอด

รายงานโดย MR.Numchok

[ www.facebook.com/Numchok Angkinan ]