หลังจากนักสืบชื่อดังแห่งโลกวรรณกรรมได้ออกมาสู่โลกบนแผ่นฟิล์มในปี 2009 ด้วยฝีมือผู้กำกับมีสไตล์ กาย ริตชี่ จนโด่งดัง การกลับมาในครั้งที่ 2 ในปี 2011 ริตชี่เผยว่าเรื่องราวจุดเด่นในภาคใหม่คือการพานักแสดงไปผจญภัยในพื้นที่ใหม่ๆ โดยไม่ลืมจุดสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้คือมิตรภาพระหว่างเชอร์ล็อก โฮล์มส์ (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) และคุณหมอวัตสัน (จู๊ด ลอว์) ต่อจากนั้นคือการสร้างเรื่องราวให้มีความน่าสนใจและมีการผสมผสานสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนลงไปในภาพยนตร์

หนึ่งในฉากที่ตื่นเต้นที่สุดที่ริตชี่และทีมงานสร้างเอาไว้ คือฉากที่โฮล์มส์และวัตสันจะต้องวิ่งหนีในป่าอย่างไม่คิดชีวิต ในช่วงที่พวกเขาโดนศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้ (จาเร็ด แฮร์ริส) ดักโจมตี ริตชี่เปิเผยว่าเขาใส่ลูกเล่นลงในฉากนั้นเยอะมาก เพราะคิดว่าสามารถให้อะไรกับคนดูที่มากกว่าคนมาวิ่งไล่กันในป่า โดยหวังว่าจะให้ได้เห็นในสิ่งที่คนดูยังไม่เคยเห็น ในช่วงขณะที่ตัวละครกำลังพยายามหนีออกจากเครื่องประหารชีวิตต่างๆ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของหนัง อยู่ที่การบรรยายภาพประเทศอังกฤษยุควิคตอเรี่ยนของกาย ริตชี่ เพราะในยุคนั้นอังกฤษไม่ใช่ประเทศที่สะอาดสะอ้าน ไม่ใช่สังคมที่ดูสุภาพ ลอนดอนยุควิคตอเรี่ยนเป็นเมืองที่สกปรก เต็มไปด้วยความรุนแรงและอันตราย ความสมจริงของฉากในหนังภาคสองนี้มีมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งให้ความรู้สึกและกลิ่นเหมือนหนังย้อนยุค แต่มีความดิบ มีจังหวะ มีความสนุกของการเล่าเรื่องแบบหนังยุคใหม่

สำหรับตัวละครใหม่ในภาคนี้ที่ถือได้ว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาลของโฮล์มส์นามว่าศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้ เซอร์ อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ ผู้ประพันธ์วรรณกรรมเรื่องนี้ได้สร้างเขาขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะความจริงแล้วมีบทบาทออกมาเพียงสองตอน แต่สามารถทำให้ผู้อ่านรู้ว่าเขาคนนี้คือผู้ที่มีอิทธิพลที่คอยชักใยและสนับสนุนอาชญากรไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ เขาวางหมากให้ผู้อื่นทำงานชั่วๆ ให้โดยไม่ต้องลงมือเอง เขาคืออัจฉริยะที่กลายมาเป็นศัตรูผู้เป็นภัยคุกคามเมื่อเขาเล่นเกมส์แมวจับหนูกับโฮล์มส์และวัตสันไปทั่วยุโรปในในหนังหนังภาคสองนี้ เรียกได้ว่าจะเป็นโฮล์มส์ในด้านมืดก็ว่าได้



รายงานโดย MR.Numchok

[ www.facebook.com/Numchok Angkinan ]