หนังรีเมกจากปี 1981 เรื่องรวมหากาพย์การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อช่วงชิงอำนาจของบรรดาผู้คนต่อเหล่ากษัตริย์ และของเหล่ากษัตริย์ต่อทวยเทพ แต่สงครามระหว่างทวยเทพเองนั้นอาจทำลายล้างโลกได้ แม้ถือกำเนิดจากเทพแต่ถูกเลี้ยงดูให้เป็นมนุษย์ เพอร์ซีอุส (แซม เวิร์ธทิงตัน) ไร้หนทางที่จะปกป้องครอบครัวของเขาจาก เฮเดส (ราล์ฟ ฟีนส์) เทพผู้โหดเหี้ยมแห่งยมโลก เมื่อไม่เหลืออะไรให้สูญเสีย เพอร์ซีอุสจึงอาสาเป็นผู้นำในภารกิจเสี่ยงภยันตรายเพื่อเอาชนะเฮเดสก่อนที่เขาจะสามารถยึดอำนาจจาก ซุส (เลียม นีสัน) และเปิดประตูนรกขึ้นบนโลก เพอร์ซีอุสออกเดินทางสู่โลกต้องห้ามเบื้องล่างในการเป็นผู้นำกองทัพนักรบผู้กล้า เพื่อต่อสู้กับเหล่าปีศาจนอกรีตและสัตว์ร้ายน่าสพรึงกลัว เขาจะมีทางรอดได้หากเขาสามารถยอมรับพลังแห่งเทพ ท้าทายโชคชะตาและลิขิตชีวิตด้วยตนเอง

In Clash of the Titans, the ultimate struggle for power pits men against kings and kings against gods. But the war between the gods themselves could destroy the world. Born of a god but raised as a man, Perseus (Sam Worthington) is helpless to save his family from Hades (Ralph Fiennes), vengeful god of the underworld. With nothing to lose, Perseus volunteers to lead a dangerous mission to defeat Hades before he can seize power from Zeus (Liam Neeson) and unleash hell on earth. Battling unholy demons and fearsome beasts, Perseus and his warriors will only survive if Perseus accepts his power as a god, defies fate and creates his own destiny.

จุดเด่น Clash of the Titans (2010) :

“... ที่เรามีในเวอร์ชั่นนี้ก็แค่สัตว์ประหลาดกว่า 20 ตัว ฝูงชนอีกนับพัน มันจะเป็นหนังที่เต็มไปด้วยวิชวลเอฟเฟกต์เป็นตันๆ ไม่ใช่แค่จำนวนมากเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงขนาดของมันด้วย คราเคนของเราจะไม่ใช่แค่คราเคนขนาดเล็ก แต่มันจะเป็นคราเคนขนาดมหึมาที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมา ...”

ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส หลุยส์ เลอแตริแยร์ อธิบายได้ชัดเจนว่าใน Clash of the Titans (2010) ฉบับรีเมกของเขาจะเป็นหนังสเกลระดับเอพิคยิ่งใหญ่ตระการตาไปด้วยเทคนิคก้าวล้ำหน้ากว่าสมัยที่ Clash of the Titans ฉบับปี 1981 ที่มี เรย์ แฮร์รี่ฮอเซ่น ปรมาจารย์ด้านเทคนิคสต็อปโมชั่น มาสร้างสัตว์ประหลาดในเทพนิยายกรีกให้ออกมาโลดแล่นบนจอ แต่หนังฉบับดั้งเดิมก็ยังอยู่ในความทรงจำของผู้กำกับท่านนี้ และกลายเป็นแรงบันดาลใจอยากทำหนังสัตว์ประหลาดจนได้มากำกับหนังสเกลใหญ่เป็นเรื่องแรกใน The Incredible Hulk และกลายเป็นใบเบิกทางมาสู่การรีเมกหนังเรื่องนี้

ดังนั้นในเวอร์ชั่นใหม่เนื้อหาหลักจะยังคงเดิมคือ เล่าถึงเพอร์เซอุส ลูกครึ่งมนุษย์เทพเจ้าที่ต้องเดินทางไปผจญกับเหล่าสัตว์ประหลาดนานาชนิดเพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงแอนโดรเมดา ผู้กำลังจะถูกสังเวยให้กับ คราเคน ปิศาจแห่งท้องทะเล และวิธีเดียวที่จะต่อกรกับสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้ได้ ก็คือตัดหัวของปิศาจเมดูซ่ามาปราบ เลอแตริเยร์เปิดเผยเมื่อก้าวเข้าสู่โปรเจกต์นี้ว่า

“... แต่มันจะไม่ใช่หนังเรื่องเดียวกัน ประการแรกเลยคือผมอยากเล่าเรื่องราวของมนุษย์แบบที่เคยทำมาแล้วใน Hulk ผมชอบทำหนังที่มีสัตว์ประลาดตัวใหญ่ก็จริงอยู่ แต่ด้านที่ผมสนใจยิ่งกว่าก็คือ ด้านอารมณ์ มันจะเป็นยังไงถ้าคุณเป็นลูกครึ่งเทพเจ้าของเพอร์เซอุส แต่คุณไม่ได้ต้องการมันเลย ผมคิดว่าเพอร์เซอุสเกลียดพลังอันนี้ เขาเป็นฮีโร่ที่ขัดแย้งในตัวเอง ไม่ใช่ฮีโร่จริงๆ อย่างเพอร์เซอุสต้นฉบับที่เต็มใจใช้อาวุธที่บรรดาเทพมอบให้ ...”

ถึงแม้เทคนิคสต็อปโมชั่นจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอีกต่อไปในเวอร์ชั่นใหม่นี้ แต่เลอแตริเยร์ก็ต้องการคารวะแฮร์รี่ฮอเซ่น ด้วยการออกแบบสัตว์ประหลาดออกมาให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด ซึ่งนอกจากนี้ยังรวมไปถึงสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ จากเวอร์ชั่นเก่าอย่างแมงป่องยักษ์ ขนาดมหึมาใหญ่กว่าของเดิม 5 เท่า การเผชิญหน้าระหว่างเพอร์เซอุสกับปิศาจเมดูซ่า อันเป็นฉากที่หนังตันฉบับทำออกมาได้อย่างทรงพลังจนน่าขนลุก หรือม้าเพกาซัสที่เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีดำ เพื่อให้ดูหนักแน่นมากกว่าจะเป็นเทพนิยายในฝัน

MR.Numchok รายงาน
[ Gang@Boomerang.co.th ]